facebook

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประวัติราคาทองคำ


 

 
 
ราคาทองคำ: อดีต ปัจจุบัน อนาคต1

รศ. ดร. ถวิล นิลใบ

เศรษฐศาสตร์ รามคำแหง

13 กุมภาพันธ์ 2552

นับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา ราคาทองคำในตลาดโลกและราคาทองคำในบ้านเราปรับตัวสูงขึ้นและต่อเนื่อง ต้นปี 2551 ราคาทองคำแท่งในตลาดโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือมีราคามากกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เช่นเดียวกับราคาทองคำแท่งซื้อขายในบ้านเรามีราคามากกว่า 15,000 บาทต่อทองหนัก 1 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน ตลาดซื้อขายทองคำทั่วโลกมีความคึกคัก เช่นเดียวกันตลาดทองคำในประเทศไทย คนไทยเริ่มตื่นตัวลงทุนในทองคำมากขึ้น สื่อมวลชนมีการนำเสนอรายการที่กล่าวถึงการลงทุนในทองคำและมีข้อแนะนำการกระจายการถือครองสินทรัพย์ในรูปทองคำให้กับประชาชน มีการตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในทองคำ และล่าสุดได้มีการจัดตั้งตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า ถึงแม้ว่าจะเกิดวิกฤตการเงินในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่กลางปี 2551 เป็นต้นมา ทำให้ราคาสินทรัพย์ทุกอย่างลดลง นับตั้งแต่ ราคาอสังหาริมทรัพย์ ราคาหุ้น ตราสารหนี้ และราคาน้ำมัน ความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจและสถาบันการเงินลดลง ภาวะเศรษฐกิจของประเทศทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยและกำลังมุ่งไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ทองคำเป็นสินทรัพย์ประเภทเดียวที่ราคายังคงปรับตัวสูงขึ้น แม้จะชะลอตัวลงบ้างก็ตาม ปรากฏการณ์เช่นนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า ทองคำเป็นแหล่งที่พึ่งพาและเป็นแหล่งหลบภัยทางการเงิน การสะสมความมั่งคั่งของสินทรัพย์ทางการเงินในรูปแบบต่างๆ มีความเสี่ยง ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำสุดในการสะสมความมั่งคั่งขณะเดียวกันก็มีสภาพคล่องคือเปลี่ยนเป็นเงินได้โดยง่ายและมูลค่าไม่ลดลง ดังนั้น ทองคำ จึงเป็นสินทรัพย์ที่ทุกคนต้องการถือครองในภาวะที่มีความไม่แน่นอนและการผันผวนทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม มีข้อเท็จจริงที่ยากที่จะปฏิเสธคือ การลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภท รวมทั้งทองคำมีความเสี่ยง ดังนั้น เราจึงควรหาความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับราคาทองคำให้มากขึ้น วัตถุประสงค์หลักของบทความนี้ คือนำเสนอพัฒนาการเกี่ยวกับราคาทองคำในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งสรุปถึงปัจจัยที่กำหนดการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ทั้งนี้เพื่อให้เราเข้าใจการขึ้นลงของราคาทองคำและเห็นทิศทางของการเปลี่ยนแปลงราคาทองคำในอนาคต โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก กล่าวถึงพัฒนาการของการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วง 60 ปีที่ผ่านมาคือนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงถึงปัจจุบัน ส่วนที่สอง กล่าวถึงแนวโน้มของราคาทองคำในอนาคต

1 ผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำ บทความนี้เขียนขึ้นจากการค้นค้าทางเอกสารและใช้ความคิดเห็นของผู้เขียนเพิ่มเติม ประกอบกับมีเวลาค้นคว้าน้อย บทความนี้จึงยังคงมีข้อบกพร่องมาก การนำไปใช้จึงควรระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์บ้าง และยินดีรับฟังคำติชมและแลกเปลี่ยนความเห็น

รศ. ดร. ถวิล นิลใบ ราคาทองคำ: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต 1

ราคาทองคำในอดีต

การกล่าวถึงราคาทองคำในอดีตจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก คือหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง คือตั้งแต่ปี 2490 จนถึงปี 2514 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกมีราคาคงที่ ช่วงที่สองคือ คือตั้งแต่ปี 2514 จนถึงปัจจุบัน เป็นช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกเคลื่อนไหวเสรีไปตามสภาพของตลาด รายละเอียดในแต่ละช่วง มีดังนี้

ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถึงปี 2514

ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ระบบมาตรฐานทองคำ (Gold standard) ซึ่งเป็นระบบการเงินที่ทั้งโลกได้ใช้ร่วมกันได้ล่มสลายไป หลังจากนั้นไม่มีระบบการเงินใช้ร่วมกัน ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลต่างๆ มีความผันผวน ประเทศต่าง ๆ พยายามลดค่าเงินแข่งกันเพื่อชิงความได้เปรียบด้านการค้าระหว่างประเทศ จึงสร้างปัญหาด้านการค้าและการพัฒนาประเทศ ดังนั้น เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส จึงได้สร้างระบบการเงินของโลกมาใช้ร่วมกันแทนระบบมาตรฐานทองคำ เรียกว่า “Bretton Woods System” หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าระบบปริวรรตทองคำ (Gold Exchange Standard)” พร้อมกับได้ตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)” หรือ เรียกย่อว่า IMF มาดูแล สาระสำคัญของระบบนี้มี 3 ข้อ ข้อแรก ประเทศสมาชิกต้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลของประเทศกับดอลล่าร์สหรัฐให้คงที่ หรือ เรียกว่า ค่าเสมอภาค (par value) โดยธนาคารชาติของประเทศสมาชิกต้องจัดตั้งกองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Stabilization Fund)” เพื่อคอยแทรกแซงไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนออกจากค่าเสมอภาคที่กำหนด ข้อสอง ประเทศสมาชิกต้องปล่อยให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินตราของตัวเองกับดอลลาร์สหรัฐอย่างเสรี และข้อสาม ประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐกับทองคำคงที่ ณ. อัตรา 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อทองคำหนัก 1 ออนซ์ (ounce) และประเทศสหรัฐจะยอมให้ประเทศต่างๆ นำเงินดอลลาร์สหรัฐมาแลกกับทองคำ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเท่ากับว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้ระบบมาตรฐานทองคำ หมายความว่า เงินดอลลาร์สหรัฐที่พิมพ์ออกมาจะต้องมีทองคำหนุนหลัง ส่วนเงินสกุลอื่นของโลกเป็นเพียงแค่เงินกระดาษ เงินดอลลาร์สหรัฐจึงกลายมาเป็นเงินสกุลหลักที่ทั่วโลกใช้ในการชำระหนี้ระหว่างกัน ทุกประเทศเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและสะสมเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ

รศ. ดร. ถวิล นิลใบ ราคาทองคำ: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต 2

2 ในตลาดโลกทองคำซื้อขายด้วยน้ำหนักเป็น ออนซ์ (ounce) แต่เมืองไทยซื้อขายทองคำด้วยน้ำหนักเป็นบาทหน่วยของน้ำหนักเทียบกันได้ดังนี้ ทองคำแท่ง 1 ออนซ์เท่ากับ 31.104 กรัม ทองคำแท่ง 1 บาทเท่ากับ 15.244 กรัม ดังนั้น ทองคำแท่ง 1 ounce เท่ากับทองคำแท่งหนักประมาณ 2.04 บาท

ภายใต้ระบบการเงินแบบ Bretton Woods มีผลทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกไม่เคลื่อนไหว คือถูกตรึงไว้ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เท่ากับอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐกับทองคำที่ประเทศสหรัฐกำหนด มองอีกแง่มุมหนึ่ง เท่ากับว่าประเทศสหรัฐได้เข้ามากำหนดราคาทองคำในตลาดโลกโดยปริยาย ดังจะเห็นได้ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงที่ใช้ระบบ Bretton Woods คือระหว่างปี 2490 – 2513 เคลื่อนไหวเล็กน้อยรอบ ๆ ค่า 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ดูตารางที่ 1 ประกอบ) ในช่วงเวลานี้ การถือครองดอลลาร์สหรัฐจะดีกว่าการถือทองคำ เพราะการถือครองหรือการสะสมดอลลาร์สหรัฐจะได้รับดอกเบี้ย แต่การถือครองทองคำจะไม่ได้รับผลตอบแทนในรูปของผลต่างของราคาซื้อและราคาขาย (capital gain) ทั้งนี้เพราะราคาทองคำไม่เคลื่อนไหว

ตารางที่ 1: ราคาทองคำแท่งในตลาดโลกตั้งแต่ปี 2490 - 2513 ปี
ราคา
($/ounce)
ปี
ราคา
($/ounce)
ปี
ราคา
($/ounce)
2490
34.71
2498
35.03
2506
35.09
2491
34.71
2499
34.99
2507
35.10
2492
31.69
2500
34.95
2508
35.12
2493
34.72
2501
35.10
2509
35.13
2494
34.72
2502
35.10
2510
34.95
2495
34.60
2503
35.27
2511
38.69
2496
34.84
2504
35.25
2512
41.09
2497
35.04
2505
35.23
2513
35.94