รศ.
ดร. ถวิล นิลใบ
เศรษฐศาสตร์ รามคำแหง
13 กุมภาพันธ์ 2552
นับตั้งแต่ปี
2545 เป็นต้นมา ราคาทองคำในตลาดโลกและราคาทองคำในบ้านเราปรับตัวสูงขึ้นและต่อเนื่อง
ต้นปี 2551 ราคาทองคำแท่งในตลาดโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือมีราคามากกว่า
1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เช่นเดียวกับราคาทองคำแท่งซื้อขายในบ้านเรามีราคามากกว่า
15,000 บาทต่อทองหนัก 1 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
ตลาดซื้อขายทองคำทั่วโลกมีความคึกคัก เช่นเดียวกันตลาดทองคำในประเทศไทย คนไทยเริ่มตื่นตัวลงทุนในทองคำมากขึ้น
สื่อมวลชนมีการนำเสนอรายการที่กล่าวถึงการลงทุนในทองคำและมีข้อแนะนำการกระจายการถือครองสินทรัพย์ในรูปทองคำให้กับประชาชน
มีการตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในทองคำ และล่าสุดได้มีการจัดตั้งตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า
ถึงแม้ว่าจะเกิดวิกฤตการเงินในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่กลางปี 2551 เป็นต้นมา ทำให้ราคาสินทรัพย์ทุกอย่างลดลง นับตั้งแต่ ราคาอสังหาริมทรัพย์
ราคาหุ้น ตราสารหนี้ และราคาน้ำมัน ความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจและสถาบันการเงินลดลง
ภาวะเศรษฐกิจของประเทศทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยและกำลังมุ่งไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ทองคำเป็นสินทรัพย์ประเภทเดียวที่ราคายังคงปรับตัวสูงขึ้น
แม้จะชะลอตัวลงบ้างก็ตาม ปรากฏการณ์เช่นนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า ทองคำเป็นแหล่งที่พึ่งพาและเป็นแหล่งหลบภัยทางการเงิน
การสะสมความมั่งคั่งของสินทรัพย์ทางการเงินในรูปแบบต่างๆ มีความเสี่ยง ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำสุดในการสะสมความมั่งคั่งขณะเดียวกันก็มีสภาพคล่องคือเปลี่ยนเป็นเงินได้โดยง่ายและมูลค่าไม่ลดลง
ดังนั้น ทองคำ จึงเป็นสินทรัพย์ที่ทุกคนต้องการถือครองในภาวะที่มีความไม่แน่นอนและการผันผวนทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม มีข้อเท็จจริงที่ยากที่จะปฏิเสธคือ การลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภท
รวมทั้งทองคำมีความเสี่ยง ดังนั้น เราจึงควรหาความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับราคาทองคำให้มากขึ้น
วัตถุประสงค์หลักของบทความนี้ คือนำเสนอพัฒนาการเกี่ยวกับราคาทองคำในอดีตและปัจจุบัน
รวมทั้งสรุปถึงปัจจัยที่กำหนดการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ทั้งนี้เพื่อให้เราเข้าใจการขึ้นลงของราคาทองคำและเห็นทิศทางของการเปลี่ยนแปลงราคาทองคำในอนาคต
โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก
กล่าวถึงพัฒนาการของการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วง 60 ปีที่ผ่านมาคือนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงถึงปัจจุบัน ส่วนที่สอง
กล่าวถึงแนวโน้มของราคาทองคำในอนาคต
1 ผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำ
บทความนี้เขียนขึ้นจากการค้นค้าทางเอกสารและใช้ความคิดเห็นของผู้เขียนเพิ่มเติม ประกอบกับมีเวลาค้นคว้าน้อย
บทความนี้จึงยังคงมีข้อบกพร่องมาก การนำไปใช้จึงควรระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์บ้าง
และยินดีรับฟังคำติชมและแลกเปลี่ยนความเห็น
รศ. ดร. ถวิล นิลใบ ราคาทองคำ:
อดีต ปัจจุบัน และอนาคต 1
ราคาทองคำในอดีต
การกล่าวถึงราคาทองคำในอดีตจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก คือหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
คือตั้งแต่ปี 2490 จนถึงปี 2514 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกมีราคาคงที่
ช่วงที่สองคือ คือตั้งแต่ปี 2514 จนถึงปัจจุบัน เป็นช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกเคลื่อนไหวเสรีไปตามสภาพของตลาด
รายละเอียดในแต่ละช่วง มีดังนี้
ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ถึงปี 2514
ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ระบบมาตรฐานทองคำ (Gold standard) ซึ่งเป็นระบบการเงินที่ทั้งโลกได้ใช้ร่วมกันได้ล่มสลายไป
หลังจากนั้นไม่มีระบบการเงินใช้ร่วมกัน ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลต่างๆ มีความผันผวน
ประเทศต่าง ๆ พยายามลดค่าเงินแข่งกันเพื่อชิงความได้เปรียบด้านการค้าระหว่างประเทศ
จึงสร้างปัญหาด้านการค้าและการพัฒนาประเทศ ดังนั้น เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
ประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส จึงได้สร้างระบบการเงินของโลกมาใช้ร่วมกันแทนระบบมาตรฐานทองคำ
เรียกว่า “Bretton Woods System” หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า
“ระบบปริวรรตทองคำ (Gold Exchange Standard)” พร้อมกับได้ตั้ง
“กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)”
หรือ เรียกย่อว่า IMF มาดูแล สาระสำคัญของระบบนี้มี
3 ข้อ ข้อแรก ประเทศสมาชิกต้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลของประเทศกับดอลล่าร์สหรัฐให้คงที่
หรือ เรียกว่า ค่าเสมอภาค (par value) โดยธนาคารชาติของประเทศสมาชิกต้องจัดตั้ง
“กองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Stabilization
Fund)” เพื่อคอยแทรกแซงไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนออกจากค่าเสมอภาคที่กำหนด
ข้อสอง ประเทศสมาชิกต้องปล่อยให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินตราของตัวเองกับดอลลาร์สหรัฐอย่างเสรี
และข้อสาม ประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐกับทองคำคงที่
ณ. อัตรา 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อทองคำหนัก
1 ออนซ์ (ounce) และประเทศสหรัฐจะยอมให้ประเทศต่างๆ
นำเงินดอลลาร์สหรัฐมาแลกกับทองคำ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเท่ากับว่า
ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้ระบบมาตรฐานทองคำ หมายความว่า เงินดอลลาร์สหรัฐที่พิมพ์ออกมาจะต้องมีทองคำหนุนหลัง
ส่วนเงินสกุลอื่นของโลกเป็นเพียงแค่เงินกระดาษ เงินดอลลาร์สหรัฐจึงกลายมาเป็นเงินสกุลหลักที่ทั่วโลกใช้ในการชำระหนี้ระหว่างกัน
ทุกประเทศเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและสะสมเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ
รศ. ดร. ถวิล นิลใบ ราคาทองคำ:
อดีต ปัจจุบัน และอนาคต 2
2 ในตลาดโลกทองคำซื้อขายด้วยน้ำหนักเป็น ออนซ์ (ounce) แต่เมืองไทยซื้อขายทองคำด้วยน้ำหนักเป็น
“บาท” หน่วยของน้ำหนักเทียบกันได้ดังนี้ ทองคำแท่ง
1 ออนซ์เท่ากับ 31.104 กรัม ทองคำแท่ง
1 บาทเท่ากับ 15.244 กรัม ดังนั้น ทองคำแท่ง
1 ounce เท่ากับทองคำแท่งหนักประมาณ 2.04 บาท
ภายใต้ระบบการเงินแบบ
Bretton Woods มีผลทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกไม่เคลื่อนไหว คือถูกตรึงไว้ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เท่ากับอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐกับทองคำที่ประเทศสหรัฐกำหนด
มองอีกแง่มุมหนึ่ง เท่ากับว่าประเทศสหรัฐได้เข้ามากำหนดราคาทองคำในตลาดโลกโดยปริยาย
ดังจะเห็นได้ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงที่ใช้ระบบ Bretton Woods คือระหว่างปี 2490 – 2513 เคลื่อนไหวเล็กน้อยรอบ ๆ ค่า
35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ดูตารางที่ 1 ประกอบ) ในช่วงเวลานี้ การถือครองดอลลาร์สหรัฐจะดีกว่าการถือทองคำ
เพราะการถือครองหรือการสะสมดอลลาร์สหรัฐจะได้รับดอกเบี้ย แต่การถือครองทองคำจะไม่ได้รับผลตอบแทนในรูปของผลต่างของราคาซื้อและราคาขาย
(capital gain) ทั้งนี้เพราะราคาทองคำไม่เคลื่อนไหว
ตารางที่ 1: ราคาทองคำแท่งในตลาดโลกตั้งแต่ปี
2490 - 2513 ปี
|
ราคา
($/ounce)
|
ปี
|
ราคา
($/ounce)
|
ปี
|
ราคา
($/ounce)
|
2490
|
34.71
|
2498
|
35.03
|
2506
|
35.09
|
2491
|
34.71
|
2499
|
34.99
|
2507
|
35.10
|
2492
|
31.69
|
2500
|
34.95
|
2508
|
35.12
|
2493
|
34.72
|
2501
|
35.10
|
2509
|
35.13
|
2494
|
34.72
|
2502
|
35.10
|
2510
|
34.95
|
2495
|
34.60
|
2503
|
35.27
|
2511
|
38.69
|
2496
|
34.84
|
2504
|
35.25
|
2512
|
41.09
|
2497
|
35.04
|
2505
|
35.23
|
2513
|
35.94
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น