ความเป็นมาของสกุลเงินยูโรและกลุ่มประเทศยูโรโซน (History of the Euro Currency and the Eurozone)
นี่คือการปฏิรูปด้านการเงินที่สำคัญที่สุดของทวีปยุโรปนับตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ขอต้องรับสู่รายการของ WatchMojo.com และวันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสกุลเงินยูโรค่ะ
เงินยูโร (Euro) เป็นสกุลเงินที่ประเทศในกลุ่มยูโรโซนใช้ร่วมกัน ประเทศกลุ่มยูโรโซนประกอบไปด้วยประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (The European Union) ที่ใช้เงินสกุลยูโรร่วมกันและเป็นสกุลเงินเดียวที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
แม้สกุลเงินยูโรเพิ่งถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1999 แต่แนวคิดเรื่องการใช้สกุลเงินเดียวกันมีเกิดขึ้นมาหลายทศวรรษก่อนหน้านั้นแล้ว
ตามประวัติศาสตร์ ทวีปยุโรปเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่สกุลเงินที่แตกต่างกันทำให้การค้าขายในแถบนี้ยุ่งยากซับซ้อน ตั้งแต่สมัยปี ค.ศ. 1929 องค์การสันนิบาตชาติ (The League of Nations) ได้พิจารณาถึงการให้ประเทศสมาชิกรวมตัวกันทั้งด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน แต่สงครามโลกครั้งที่สองทำให้ความพยายามนี้ต้องหยุดชะงักลง
ในช่วงสงครามเย็น (The Cold War) ได้มีความพยายามกระชับสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ต่างๆ ในปี ค.ศ. 1951 สนธิสัญญาปารีสได้เชื่อมโยง ประเทศเบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมันตะวันตก อิตาลี ลักเซมเบิร์ก และเนเธอร์แลนด์ เข้าด้วยกันและก่อกำเนิดเป็น ประชาคมถ่านหินและเหล็กแห่งยุโรป (European Coal and Steel Community) ต่อมาในปี ค.ศ. 1958 หกประเทศดังกล่าวได้ลงนามในสนธิสัญญาแห่งโรมเพื่อก่อตั้ง ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Community) ซึงเป็นองค์กรที่ได้กลายมาเป็นสหภาพยุโรป (European Union-EU) ในเวลาต่อมาแนวคิดเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจได้ถูกนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง รายงานที่ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1970 ได้แนะนำให้ประเทศในยุโรปใช้นโยบายทางการเงินร่วมกัน นี่ทำให้ความคิดเรื่องสกุลเงินกลางและธนาคารกลางของประเทศในกลุ่มยุโรปเริ่มเดินหน้า ในปี ค.ศ. 1979 ประเทศในกลุ่มสมาชิก EEC ส่วนใหญ่ได้วางรากฐานให้กับระบบการเงินของยุโรป เพื่อทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินใหม่ ซึ่งตอนนั้นเรียกว่าค่าเงิน ECU คงที่และถ่วงดุลอัตราเงินเฟ้อ
ช่วงยุค 1980 เป็นช่วงของการวางแผนอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อก่อตั้งองค์กรด้านเศรษฐกิจและการเงินร่วมกัน กฎหมายยุโรปตลาดเดียว (Single European Act) ที่ได้รับการลงนามเมื่อปี ค.ศ. 1986 ได้ขยายขอบเขตความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่ม EEC
สนธิสัญญามาสตริชท์ (Maastricht Treaty) ได้รับการลงนามเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 สนธิสัญญานี้เองที่ก่อตั้งสหภาพยุโรป (European Union) และกำหนดให้ปี ค.ศ. 1999 เป็นปีให้เริ่มใช้สกุลเงินกลางและวางรากฐานให้ยุทธศาสตร์ทางการเงินร่วมกัน ประเทศต่างๆต้องผ่านเกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อสามารถร่วมลงนามในสนธิสัญญานี้ได้ การขาดดุลงบประมาณและการมีหนี้สินในอัตราต่ำเป็นเพียงตัวอย่างของเกณฑ์บางข้อ
การวางรากฐานให้กับสกุลเงินยูโรเริ่มขึ้นในช่วงปี 1990 สถาบันการเงินแห่งยุโรป (European Monetary Institute) ได้เข้ามาแทนที่ EMCF ในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งสถาบันนี้เป็นองค์กรนำร่องของ ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) ส่วนการใช้ชื่อสกุลเงินว่า “ยูโร” นั้นตัดสินใจกันเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1995 ขณะที่ประเทศอื่นๆในยุโรปเลือกที่จะให้ประชากรของตนใช้สกุลเงินนี้ สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก และสวีเดน เลือกใช้สกุลเงินเดิมของตัว
สกุลเงินของประเทศต่างๆที่เข้าร่วมได้เปลี่ยนมาเป็นเงินยูโรผ่านระบบการเทียบเงินตราสามสกุล (triangulation) ซึ่งทำให้สามารถลบล้างความแตกต่างของมาตรฐานในการปัดเศษจำนวนของแต่ละประเทศออกไปได้ สุดท้ายได้ตกลงกันในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1998 ว่า หนึ่งยูโรจะเท่ากับหนึ่ง ECU
สกุลเงินยูโรเริ่มหมุนเวียนในระบบครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1999 ในรูปแบบธุรกรรมทางการเงินที่ไม่ใช่เงินสด ยกตัวอย่างเช่น เช็คเดินทาง (traveler’s cheques) หุ้น และการจำนอง ล้วนทำการซื้อขายด้วยเงินยูโร และมีการยกเลิกการใช้สกุลเงินเดิมของแต่ละประเทศกลุ่มยูโรโซน
ช่วงการเปลี่ยนเงินตราในระบบมาให้เป็นเงินสกุลยูโรนั้นใช้เวลาถึงสามปี เหรียญและธนบัตรจากสกุลเงินเดิมสามารถใช้ชำระหนี้ได้ถึงปี ค.ศ. 2002 เท่านั้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นธนบัตรและเหรียญสกุลเงินยูโรก็ถูกผลิตออกมามากพอที่จะรองรับแล้ว
หลังการเปิดตัว เงินยูโรทำหน้าที่ได้ดีกว่าที่คาดการณ์กันไว้ โดยได้เริ่มเปิดให้ซื้อขายเมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่อัตรา 1.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อหนึ่งยูโร ผู้ซื้อขายแลกเปลี่ยนต้องทึ่งกับการที่ยูโรแทนที่สกุลเงินเดิมได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น คาดกันว่าจะมีการซื้อขายสกุลเงินมาร์คของประเทศเยอรมนีควบคู่ไปกับเงินยูโรในช่วงแรก แต่ในความเป็นจริงสกุลเงินมาร์คกลับหายไปในทันที
หลังจากเริ่มใช้เงินยูโร ประเทศกลุ่มยูโรโซนขยายตัวและเปลี่ยนแปลงไปมาก กรีซมีคุณสมบัติพอเข้าร่วมกลุ่มเมื่อปี ค.ศ. 2001 และมีอีกหลายประเทศที่ได้เข้าร่วมอีกหลายปีหลังจากนั้น
นอกจากจะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในกลุ่มสมาชิกให้แนบแน่นขึ้นแล้ว เงินสกุลยูโรยังช่วยส่งเสรนิมการท่องเที่ยวในภูมิภาคด้วย มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าการปฏิรูปสกุลเงินนี้จะเป็นทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนได้หรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น